1. พิจารณาแพทย์ปลูกผมที่จะมาทำการรักษา

การเลือกแพทย์ปลูกผมมีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษา เพราะเป็นกุญแจเริ่มต้นในการรักษาตั้งแต่การประเมินสภาพเส้นผมและหนังศีรษะ รวมถึงวางแผนการปลูกผมที่เหมาะสมกับคุณ โดยสถาบันขั้นต้นที่ได้การยอมรับจากทั่วโลก คือ American Board of Hair Restoration Surgery (ABHRS) หรือที่เรียกว่า "แพทย์อเมริกันบอร์ดด้านการปลูกย้ายรากผม" ถือเป็นมาตรฐานขั้นต้นที่ควรพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง

ที่สำคัญคุณจะมั่นใจได้ว่าแพทย์อเมริกันบอร์ดเป็นแพทย์ที่ได้ผ่านการรับรองที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการปลูกผมมาไม่ต่ำกว่า 100 เคสแรกอย่างแน่นอน

2.เลือกคลินิกปลูกผมที่ได้มาตรฐาน ไม่ได้มีเพียงแค่การปลูกผมเพียงเทคนิคเดียว

3. มีรีวิวจากคนไข้จริงทั้งรูปภาพ และวิดิโอ และไม่เน้นการจ้างรีวิวแต่เพียงอย่างเดียว

การจ้างรีวิวเป็นหนึ่งในวิธีการทำการตลาดที่ดี แต่อย่างไรก็ตามควรจะมีเคสจากคนไข้ที่ทำการรักษาจริงร่วมด้วยเพื่อให้เห็นแนวทางการรักษาผมร่วง ผมบางในหลายๆรูปแบบ อีกทั้งรีวิวรูปภาพยังสามารถตกแต่งเพิ่มเติมได้ คคนไข้ควรดูรีวิวแบบวิดิโอร่วมด้วย ที่สำคัญคือ อย่าลืมเปรียบเทียบข้อมูลจากหลายๆที่ เพื่อให้เห็นภาพรวมของการปลูกผม ทั้งข้อดีและข้อเสียจากคนไข้จริงอีกด้วย

4. พิจารณาจากเคสที่ผิดพลาด ไม่ใช่เพียงแต่เคสที่ประสบความสำเร็จในการรักษา

การเลือกคลินิกปลูกผมไม่ใช่แค่ดูรีวิวสวยหรูหรือเคสสำเร็จเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ "เคสที่ผิดพลาด" เพราะเคสเหล่านี้จะเผยให้เห็นถึงความสามารถในการแก้ปัญหาและรับผิดชอบของคลินิกได้อย่างแท้จริง คลินิกที่โปร่งใสและกล้าเปิดเผยเคสที่ไม่สำเร็จ แสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์และความมั่นใจในมาตรฐานการรักษาของตนเอง นอกจากนี้ การศึกษาเคสที่ผิดพลาดยังช่วยให้เราเข้าใจถึงความเสี่ยงและข้อจำกัดของการปลูกผม ทำให้สามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบและมีความคาดหวังที่สมเหตุผล อย่าลืมว่าไม่มีคลินิกไหนที่สามารถรับประกันผลลัพธ์ได้ 100% แต่คลินิกที่ดีจะต้องมีความพร้อมในการรับมือและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมืออาชีพ

5. มีการเปิด Open House Clinic ปรึกษาฟรีกับแพทย์ได้โดยตรง

เพราะการได้เข้าไปพูดคุยปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะจะช่วยให้คุณได้เห็นภาพรวมของคลินิกอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศโดยรวม ความเป็นมืออาชีพของทีมงาน และที่สำคัญคือการได้พูดคุยกับคนไข้ท่านอื่นๆ เพื่อสอบถามประสบการณ์โดยตรง อีกทั้งการได้พูดคุยกับแพทย์จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพปัญหาของคุณจริงๆหรือไม่? ไม่ใช่แค่การขายคอร์สหรือโปรโมชั่นที่อาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริง นอกจากนี้ คุณยังสามารถสังเกตได้ว่าคลินิกนั้นให้ความสำคัญกับการดูแลคนไข้อย่างจริงใจหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและเลือกคลินิกปลูกผมที่พร้อมจะดูแลเส้นผมของคุณอย่างดีที่สุด

6. มีการรับประกันหลังทำ และการดูแลตลอดระยะเวลาที่ทำการรักษา

เพราะการปลูกผมเป็นการรักษาที่ต้องรอคอยระยะเวลาที่จะเห็นผลลัพธ์นาน 6-12 เดือน คุณจะต้องมั่นใจว่าเมื่อคุณทำการรักษาไปแล้ว คลินิกปลูกผมที่ได้มาตรฐานจะต้องมีการรับประกันผลการรักษา จะยังมีทีมงานและทีมแพทย์ที่คอยให้คำแนะนำและดูแลหลังการรักษาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์ของการรักษาเป็นไปตามที่คาดหวังและคนไข้สามารถทำการรักษาได้อย่างต่อเนื่อง

7. ค่าใช้จ่ายปลูกผมหรือโปรโมชั่นปลูกผมเป็นอย่างไร?

ราคาปลูกผมคือ 1 ใน ปัจจัยสำคัญของใครหลายๆคน “การปลูกผมไม่เหมือนกับการซื้อเสื้อผ้า รถยนต์ นาฬิกา แต่ต่างกันที่ว่าสิ่งของข้างต้น เมื่อใช้งานไปแล้วพัง เราสามารถหาซื้อใหม่ได้ แต่การปลูกผมเปรียบเสมือนการลงทุนในระยะยาว เราไม่สามารถนำผมที่ปลูก หรือกราฟต์ที่เจาะออกไปนำกลับมาใช้ใหม่ได้” ดังนั้นคุณควรศึกษาโปรโมชั่นปลูกผมของแต่ละที่ให้แน่ชัดก่อนที่จะทำการรักษา ว่าราคาเหล่านั้นมีคอร์สแอบแฝง หรือมีค่าใช้จ่ายอื่นๆเพิ่มเติมหรือไม่? เพื่อที่คนไข้จะได้วางแผนการรักษาภายใต้งบประมาณที่มีได้อย่างเหมาะสม